ฟอร์มยูโรปาฟ้อง!โอเว่นฟันธงอนาคตแมนยู-จัดหนักโซลชา

ฟอร์มยูโรปาฟ้อง!โอเว่นฟันธงอนาคตแมนยู-จัดหนักโซลชา

20th October 2019 Off By spot online

หลังจากที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้แค่เสมอกับ อัลค์มาร์ แบบไร้สกอร์ ไมเคิ่ล โอเว่น อดีตหัวหอกซูเปอร์สตาร์ก็ออกมาฟันธงเลยว่าในซีซั่นนี้ “ปีศาจแดง” จะไม่มีลุ้นแม้กระทั่งการติดอยู่ใน 6 อันดับแรกของตารางคะแนน พร้อมบอกว่านี่คือ แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดที่แย่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
“ปีศาจแดง” เล่นได้แย่ตั้งแต่ช่วงท้ายซีซั่นก่อนแล้ว และในช่วงต้นฤดูกาลนี้พวกเขายังไม่สามารถโชว์ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมได้ เมื่อเก็บชัยชนะในช่วงเวลาปกติได้เพียง 3 นัดจาก 10 เกมในทุกรายการ แถมนอกจากเกมนัดแรกที่ชนะ เชลซี 4-0 แล้วนั้น ไม่มีนัดไหนอีกเลยที่พวกเขาจะทำประตูได้มากกว่า 1 ลูก

หลังจากโดนถามว่าเขาคิดว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดนี้เป็นเพียงทีมระดับกลางตารางหรือไม่นั้น โอเว่น ก็ตอบว่า “ใช่ ผมคิดว่าพวกเขาดูเป็นเพียงทีมระดับกลางตาราง ส่วนตัวแล้วผมไม่คิดว่าพวกเขาจะจบฤดูกาลนี้ด้วยการติด 6 อันดับแรกของตารางคะแนนได้หรอก ผมคิดว่าพวกเขามีโอกาสดีที่จะจบฤดูกาลด้วยการติดอยู่ในกลุ่มบนของตารางคะแนน แต่การที่เรามานั่งพูดถึงอันดับเพียงแค่ระดับนั้นมันถือว่าเป็นสิ่งที่น่ากังวลมากๆ จริงไหมล่ะ ?”

“นี่ต้องเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชุดที่แย่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษเลย จริงไหม ? มันเป็นชุดที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ก่อนที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะเข้ามาคุมทีมด้วยซ้ำ มันเกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว ตลอดช่วง 5, 6, 7 หรือ 8 ปีที่ผ่านมาคุณอาจจะคิดว่ามันไม่มีทางแย่กว่านี้ได้อีก แต่มันก็ดันแย่ลงได้จริงๆ”

“สิ่งที่ผมอยากจะชี้ให้เห็นก็คือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ทำให้ทีมของเขามีสภาพอ่อนแอลงในหลายๆ ทาง โดยที่เขาทำอย่างนั้นไปด้วยความสมัครใจของตัวเอง จากการที่เขาโละนักเตะอย่าง (โรเมลู) ลูกากู, (อันเดร์) เอร์เรร่า, (มัตเตโอ) ดาร์เมียน, (อเล็กซิส) ซานเชซ, (คริส) สมอลลิ่ง ออกไป เขารู้ดีแท้ๆ ว่าเขาสามารถทำให้ทีมมีผลงานดีขึ้นได้ถ้าหากมีนักเตะเหล่านั้นอยู่ในทีม แต่ผมคิดว่าเขาคงมีความคิดประมาณว่ายอมถอยหลังสักหน่อยเพื่อที่จะได้เดินไปข้างหน้าในอนาคตน่ะนะ (หมายถึงเลือกปล่อยนักเตะที่ไม่ต้องการ เพื่อผลดีในอนาคต)”

“เขาทำอย่างนั้นโดยที่คิดว่า -เราต้องกำจัดนักเตะในทีมที่ไม่สามารถพาเราไปถึงจุดที่เราต้องการได้ ต่อให้พวกเขาอาจจะเก่งกว่าคนอื่นๆ ที่ยังอยู่ในทีมก็ตาม- ซึ่งพอทำอย่างนั้นแล้วมันก็แทบจะเหมือนกับว่าคุณต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด และผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ทำ”